Quiz E-3

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 4 นาย ง ดูโทรทัศน์ดึกเกินไปจึงนอนตื่นสาย ด้วยเหตุผลที่ว่าหากเราเทียบกับพฤติกรรมของบุคคลในอีก 4 ตัวเลือกที่เหลือ นาย ง ดูจะไม่ได้วางแผนหรือกำหนดอะไรในใจเลย เพียงแต่ปล่อยให้เวลาผ่านไปกับความเพลิดเพลินในการดูโทรทัศน์ของตัวเองจนท้ายสุดก็ต้องตื่นสาย โดย Keyword สำคัญซึ่งสะท้อนให้เราเข้าใจการใช้ประโยชน์จากวิชาเศรษฐศาสตร์ของ นาย ง น้อยมากๆ ก็คือ คำว่า ดึกเกินไป นั่นเอง..

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 4 เศรษฐกิจเจริญเติบโตสูงกว่าระบบเศรษฐกิจแบบอื่น เพราะมีเสรีภาพในการแข่งขันเป็นแรงจูงใจ คำสำคัญที่บ่งชี้ว่าลักษณะนี้ผิดแน่นอน คือ ข้อความที่ว่า เศรษฐกิจเจริญเติบโตสูงกว่าระบบอื่น ซึ่งในปัจจุบันทุกระบบต่างมีปัญหาในการจัดสรรทรัพยากรด้วยกันทั้งนั้น ปัญหาจะมีน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับแนวทางการจัดการของรัฐนั้น และต่อให้ระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะมีเสรีภาพในการแข่งขันเป็นแรงจูงใจ แต่ระบบนี้ก็ยังมุ่งเน้นการการวางแผนของภาครัฐร่วมกับเอกชนด้วย ดังนั้นบางครั้งเสรีภาพก็อาจถูกควบคุมผ่านนโยบายบางนโยบายของภาครัฐได้ ทั้งนี้ความเป็นผสมนี้ไม่ได้กำหนดตายตัวในแต่ละประเทศที่เลือกใช้ระบบ บางประเทศอาจเอียงทางทุนนิยมซึ่งมุ่งเน้นที่กลไกราคามากกว่า บางประเทศอาจเอียงทางสังคมนิยมซึ่งเน้นการวางแผนและกำหนดทิศทางจากภาครัฐมากกว่า 

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 4 การโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เมื่อเปรียบการโฆษณากับวิธีการจาก 4 ตัวเลือกที่เหลือ การโฆษณาจะให้ข้อมูลในการบริโภคต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด และเมื่อเราได้ข้อมูลน้อย ก็เป็นไปได้มากที่การตัดสินใจในการบริโภคของเราจะผิดพลาดได้ โดยการโฆษณาจะเน้นการใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ใช้วิธีทุกอย่างที่จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าของเขา ซึ่งบางครั้งผู้บริโภคก็อาจหลงกลลวงต่างๆ ได้ง่าย หากไม่ศึกษาข้อมูลของสินค้าเพิ่มเติม

(สามารถอ่านเหตุผลหักล้างตัวเลือกอื่นๆ ได้เพิ่มเติมที่หน้า Answer Key E-3)

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 4 เส้นอุปสงค์เคลื่อนไปทางขวา โดยการที่รัฐมีโครงการแปรรูปข้าวสำเร็จรูปหลากหลายชนิด สาเหตุสำคัญก็เพื่อกระตุ้นการบริโภค ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าในขณะนี้เกิดภาวะอุปทานส่วนเกิน (ขายมากกว่าซื้อ = ของเหลือ) ในตลาดข้าว ด้วยเหตุนี้หากพิจารณาที่กราฟ ผลที่เกิดจากนโยบายนี้ คือ เส้นอุปสงค์หรือเส้น Demand (D) จะต้องเพิ่มปริมาณขึ้น (เคลื่อนไปทางขวา) ดังภาพ เส้นที่เปลี่ยนคือ จาก เส้น D จะเคลื่อนไปทางขวาเป็น เส้น D’

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 5 ปริมาณการซื้อขายภายหลังการกำหนดราคาขั้นสูงจะมีมากกว่าก่อนการกำหนดราคา หากพิจารณาจากกราฟจะเห็นได้ว่า Demand อุปสงค์-ผู้บริโภค ต้องการมากขึ้นจากราคาที่ต่ำลง (จุด B) แต่ Supply อุปทาน-ผู้ผลิต ผลิตสินค้าลดลงเพราะราคาที่ต่ำลง (จุด A) ด้วยเหตุนี้จึงชัดเจนว่าปริมาณการซื้อขายไม่มีทางจะมากขึ้นได้ มีเพียงฝั่งอุปสงค์ที่ต้องการส่วนอุปทานยังไงก็ต้องลดลง

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 1 ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ผู้ผลิตจะสามารถสร้างกำไรเกินปกติได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กรณีตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ผู้ผลิตจะสามารถสร้างกำไรเกินปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ระยะยาว กำไรจะคืนสู่ปกติ เนื่องจากในระยะยาว ปัจจัยการผลิตทุกตัวจะกลายเป็นปัจจัยการผลิตแบบผันแปร หากหน่วยธุรกิจใดได้กำไรส่วนเกิน (ระยะสั้น) จะมีหน่วยผลิตอื่นๆ เข้ามาสู่ตลาดทำให้อุปทานมีมากขึ้น ซึ่งจะเท่ากับว่าราคาสินค้าจะต้องตกลง และกำไรจะคืนสู่ปกติ

(สามารถอ่านเหตุผลหักล้างตัวเลือกอื่นๆ ได้เพิ่มเติมที่หน้า Answer Key E-3)

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ คือ ตัวเลือกที่ 5 เพิ่มอัตรารับช่วงซื้อลด เพิ่มอัตราเงินสดสำรองตามกฎหมาย และขายพันธบัตรรัฐบาล โดยการลดปริมาณเงินในระบบ ก็คือ การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ นั่นเอง ทั้งสามถือเป็นมาตรการทางการเงินที่ใช้แก้ปัญหาดังกล่าว

(อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการทางการเงินเพื่อแก้เงินเฟ้อ รวมถึงเหตุผลหักล้างตัวเลือกอื่นๆ ได้เพิ่มเติมผ่านหน้า Answer Key E-3)

ตัวเลือกที่ตรงกับคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 3 จ่ายเงินหยวนลดลงเพื่อซื้อสินค้าจำนวนเท่าเดิมจากประเทศไทย จากตารางอัตราแลกเปลี่ยนในตาราง เราจะเห็นชัดเจนว่า สถานการณ์ในช่วงเดือนพฤษภาคม เงินบาทมีค่าแข็งขึ้น เมื่อเทียบกับเงินหยวน คือ เงินหยวนแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมกราคม ซึ่งก็คือ ค่าเงินหยวนลดลง แต่ค่าเงินบาทเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากมองจากคนจีนแล้ว คนจีนจะต้องจ่ายเงินหยวนเพิ่มขึ้นเพื่อสินค้าไทย (เงินหยวนอ่อนลง แต่เงินบาทแข็งขึ้น) 

ตัวเลือกที่เป็นคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับตัวเลือกที่ 3 100 ล้านบาท โดยวิธีคำนวณ GDP ด้านรายจ่าย สามารถคำนวณจากสูตรได้ดังนี้

C+I+G+(X-M) >> C = รายจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน I = รายจ่ายเพื่อการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐบาล G = รายจ่ายเพื่อการซื้อสินค้าและบริการของภาครัฐบาล X = การส่งออก M = การนำเข้า

จากสูตรสามารถนำมาแทนค่าตามข้อมูลที่โจทย์ให้มาดังนี้ 50+20+20+(40-30) = 100

ตัวเลือกที่เป็นคำตอบของโจทย์นี้ตรงกับ ตัวเลือกที่ 4 ภาวะเงินเฟ้อและภาวะเงินฝืด ซึ่งจะบอกให้เราทราบว่า การหมุนเวียนของเงินในระบบจากการใช้จ่าย การบริโภค การลงทุน มีความสมดุลไหม มีมากเกินไปหรือน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้ามากจะก่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ แต่ถ้าน้อยไปจะก่อเกิดภาวะเงินฝืด ทั้งนี้เวลาพิจารณาตัวชี้วัดนี้ จะใช้ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core Consumer Price Index; Core CPI) เป็นตัวบอก หากค่าบวกสูงแสดงถึงตัวเลขเงินเฟ้อ หากค่าลบสูงแสดงถึงตัวเลขเงินฝืด

(อ่านเหตุผลหักล้างตัวเลือกอื่นๆ รวมถึงความหมายของคำว่าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้เพิ่มเติมผ่านเฉลยละเอียด หน้า Answer Key E-3)